บทความ

ส่วนประกอบของเมล็ด

เอนโดสเปิร์ม (endosperm)              เป็นเนื้อเยื่อที่เจริญมาจากเซลล์เอนโดสเปิร์มปฐมภูมิ (primary endosperm cell) มีหน้าที่สะสมอาหารสำหรับเอ็มบริโอที่กำลังงอกในระยะแรก  เมล็ดพืชที่เอ็มบริโอดูดซับอาหารมาใช้ก่อนที่เมล็ดจะแก่จะไม่พบเอ็นโดสเปิร์มในเมล็ด เช่น ถั่ว บัว ทานตะวัน เป็นต้น พืชพวกนี้จะงอกเร็วกว่า เมล็ดพืชที่ดูดซับอาหารที่สะสมไว้ในเอนโดสเปิร์มไปใช้ก็ต่อเมื่อเมล็ดจะงอก             เมล็ดพวกนี้จะพบเอนโดสเปิร์มอยู่ เช่น เมล็ดละหุ่ง เรียกเมล็ดพวกนี้ว่า เมล็ดมีเอนโดสเปิร์ม (albuminous seed) และเมล็ดที่ไม่พบเอนโดสเปิร์ม เรียกว่า เมล็ดไร้เอนโดสเปิร์ม (exalbuminous seed) อาหารที่สะสมอยู่ภายในเอ็นโดสเปิร์ม มีดังนี้ 1. คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมล็ดพืช อาจสะสมอยู่ในรูปแป้งหรือน้ำตาล ซึ่งนำไปสร้างเซลลูโลสเป็นสารที่สร้างผนังเซลล์ 2. โปรตีน เมล็ดพืชทุกชนิดมีโปรตีนสะสมอยู่ แต่มีปริมาณไม่เท่ากัน พืชนำไปสร้างโพรโทพลาซึม (protoplasm) 3. ไขมัน และน้ำมัน มีปริมาณมากน้อยแล้วแต่ชนิดของพืช

ส่วนประกอบของเมล็ด

ต้นแรกเกิด (caulicle)            ประกอบด้วย 2 ส่วน ดังนี้ 1. ต้นอ่อนเหนือใบเลี้ยง (epicotyl) ส่วนนี้มีส่วนปลายยอดเรียก ยอดแรกเกิด (plumule) ซึ่งประกอบด้วยเนื้อเยื่อเจริญส่วนปลายยอด (apical shoot meristem) ซึ่งจะเจริญเป็นต้น ใบ และยอดต่อไป 2. ต้นอ่อนใต้ใบเลี้ยง (hypocoty) เป็นส่วนที่จะเจริญเป็นต้น ยกเว้นส่วนปลายสุดของต้นอ่อนใต้ใบเลี้ยง (hypocotyl) ที่เรียกว่า รากแรกเกิด (radicle) ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ตรงไมโครไพล์ (micropyle) ของเมล็ด และส่วนนี้จะเจริญเติบโตเป็นรากปฐมภูมิ (primary root) หรือรากแก้ว (tap root) ต่อไป

ส่วนประกอบของเมล็ด

ใบเลี้ยง (cotyledon)            พืชใบเลี้ยงคู่ มีใบเลี้ยงสองใบ ส่วนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมี ใบเลี้ยงหนึ่งใบ ใบเลี้ยงของพืชใบเลี้ยงเดี่ยว จะมีลักษณะเป็นแผ่นขาว ๆ บาง ๆ เรียกว่าใบเลี้ยงธัญพืช (scutellum) หน้าที่ของใบเลี้ยง ย่อย ดูดซึม และสะสมอาหารที่ได้จากเอนโดสเปิร์มเพื่อไว้เลี้ยงเอ็มบริโอ ปกคลุม ป้องกันอันตรายให้กับยอดแรกเกิด (plumule) ใบเลี้ยงพืชที่พ้น ที่มีคลอโรพลาสต์สังเคราะห์ด้วยแสงได้

ส่วนประกอบของเมล็ด

เอ็มบริโอ (embryo)            เป็นส่วนที่จะเจริญไปเป็นต้นพืชเอ็มบริโอเกิดจากการผสมกันระหว่างเซลล์ไข่และเซลล์สเปิร์ม

ส่วนประกอบของเมล็ด

ขั้วเมล็ด (hilum)            บริเวณเปลือกด้านหนึ่งจะพบรอยแผลเป็นเล็ก ๆ อยู่ เรียกบริเวณนี้ว่า ขั้วเมล็ด (hilum) ใกล้ ๆ กันจะพบรูเล็ก ๆ เรียกรูไมโครไพล์ (micropyle) ซึ่งเป็นรูที่หลอดละอองเรณูงอกเข้าไปเพื่อให้สเปิร์มเข้าไปผสมกับเซลล์ไข่และโพลาร์นิวเคลียส

ส่วนประกอบของเมล็ด

เปลือกเมล็ด (seed coat หรือ Testa)              เป็นส่วนประกอบชั้นนอกสุดของเมล็ด เปลี่ยนแปลงมาจากผนังออวุล (integument) ส่วนมากมี 2 ชั้น 1.1 เปลือกเมล็ดชั้นนอก (testa) เจริญมาจากผนังชั้นนอกของออวุล (outer integument) จะแข็งหรือเหนียว ทำหน้าที่ป้องกันการระเหยของน้ำ และป้องกันอันตรายต่าง ๆ เช่น แมลง เชื้อโรค และป้องกันอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น ลมฟ้าอากาศ เป็นต้น 1.2 เปลือกเมล็ดชั้นใน (tegment) เจริญมาจากผนังชั้นในของออวุล (entegument) ส่วนมาก มีลักษณะเป็นเยื่อบาง ๆ สีขาว อ่อนนุ่ม           - เปลือกเมล็ดบางชนิดอาจเชื่อมติดกันเป็นชั้นเดียว เช่น ถั่วชนิดต่าง ๆ           - เปลือกเมล็ดบางชนิดเปลี่ยนสภาพไปหลายรูปแบบ เช่น เป็นใยสีขาวทำให้เมล็ดปลิวไปตามลมได้ เช่น ฝ้าย หรือผนังชั้นนอกของออวุลของเมล็ดบางชนิด เปลี่ยนเป็นเนื้อนุ่ม ๆ รับประทานได้ เช่น เงาะ ลำไย เป็นต้น ซึ่งเรียกผลชนิดนี้ว่า ผลแบบมีปุยหุ้มเมล็ด (aril fruit)

เมล็ด (Seed)

รูปภาพ
เมล็ด(Seed)           คือ ส่วนประกอบของพืชที่เจริญมาจากออวุล (ovule) ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว เมล็ดสามารถใช้ในการแพร่พันธุ์ของพืชดอก (angiosperm) และพืชเมล็ดเปลือย (gymnosperm) ชนิดของเมล็ด           สามารถจำแนกโดยใช้จำนวนใบเลี้ยงของเอมบริโอภายในเมล็ดเป็นเกณฑ์ได้ 2 ชนิด ดังนี้ 1.เมล็ดพืชใบเลี้ยงคู่            เป็นเมล็ดพืชที่เอ็มบริโอที่อยู่ภายในเมล็ด มีจำนวนใบเลี้ยง 2 ใบ แบ่งเป็น 2 ชนิด โดยใช้เอนโดสเปิร์มเป็นเกณฑ์  คือ 1.1  เมล็ดพืชใบเลี้ยงคู่ที่ไม่มีเอ็นโดสเปิร์ม (exalbuminous seed) เป็นเมล็ดที่เปลือกเมล็ดทั้งสองชั้นรวมกันไม่สามารถแยกเป็นสองชั้นได้ ด้านหนึ่งของเปลือกเมล็ดเว้าเข้า มีรอยแผลเป็นเล็ก ๆ ติดอยู่  รอยนี้เป็นบริเวณที่เกิดจากก้านของออวุล (funiculus) ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างรังไข่กับออวุลที่หลุดออกไป เรียกรอยนี้ว่า ขั้วเมล็ด (hilum) ใกล้ ๆ กับขั้วเมล็ดมีรูเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ไมโครไพล์ (micropyle)  ซึ่งรูไมโครไพล์นี้เป็นทางให้น้ำผ่านเข้าไปภายในเมล็ด และเป็นช่องให้รากแรกเกิด (rad...